เปิดเคล็ดลับ 5 ขั้นตอนในการเลือกบานประตูบ้านที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณ
ประตูห้องน้ำ ต้องเป็นประตูที่ป้องกันความชื้นและทนทานที่สุด การเลือกประตูห้องน้ำต้องคำนึงถึงคุณสมบัติในการป้องกันความชื้น ตัวบานไม่เป็นที่สะสมของเชื้อรา ที่ก่อให้เกิดเชื้อโรคภายในตัวบ้าน 5หลักการเลือกประตูห้องน้ำภายในบ้าน
1. เลือกขนาดประตูห้องน้ำ
- ตรวจสอบขนาดและพื้นที่ของห้องน้ำเพื่อเลือกขนาดประตูที่พอดีกับช่องเปิดของผนัง โดยเฉพาะความสูงและความกว้างที่สามารถเปิด-ปิดได้สะดวก ขนาดประตูห้องน้ำที่นิยมมีขนาด 70X200CM เป็นขนาดมาตรฐานโรงงานผู้ผลิต ปัจจุบันสามารถผลิตความสูงได้ถึง 240CM
- การวัดขนาดบานประตูหลังติดตั้งวงกบ(กรณีติดตั้งวงกบไว้ก่อนเลือกผลิตประตู) ให้วัดขนาดบังใบด้านใน โดยหักระยะบานพับรวมด้านอุปกรณ์ 5mm (ระยะบังใบด้านในสำหรับประตูกว้าง 70CM : บานประตูควรมีขนาดความกว้าง 70.5CM)
2. เลือกวัสดุที่เหมาะสมในการป้องกันความชื้น- วัสดุประตูที่ใช้ทำประตูห้องน้ำมี 3ชนิด 1. ประตูไม้อัดยางกันชื้น 2. ประตูupvc และ3.ประตูpvc ประตูupvcและประตูpvc เป็นวัสดุสังเคราะห์100% เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะทนต่อความชื้น ไม่บวมและไม่เป็นเชื้อรา ขณะที่ประตูไม้อัดยางต้องมีการทำสีเคลือบเพื่อป้องกันความชื้น แต่ก็มีโอกาสที่เกิดความชื้นสะสมในบานประตูไม้อัดยางได้ เมื่อสีเคลือบหลุดออก
3. พิจารณาการออกแบบและสีที่เข้ากับบรรยากาศ- เลือกประตูที่มีดีไซน์และสีที่เข้ากับการตกแต่งห้องน้ำและผนังภายนอก เพื่อสร้างความสวยงามและกลมกลืนในพื้นที่บ้าน
4. เลือกรูปแบบบานประตูให้มีความเหมาะสม ช่วยระบายความชื้น และการป้องกันเสียง- ออกแบบประตูให้มีช่องเกล็ดระบายอากาศ เพื่อช่วยระบายความชื้นจากห้องน้ำ การออกแบบเกล็ดระบายอากาศ นิยมเลือกเป็นช่องเกล็ดเล็กด้านล่าง หรือออกแบบเกล็ดข้างเล็กแบบเต็มบาน ให้บานประตูห้องน้ำมีความสวยงามมากขึ้น
- หากต้องการความเป็นส่วนตัว เลือกประตูที่มีคุณสมบัติกันเสียง เพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก
5. งบประมาณและการติดตั้ง- กำหนดงบประมาณให้ชัดเจน เลือกประตูที่คุ้มค่าตามความต้องการและพิจารณาค่าใช้จ่ายในการติดตั้งให้เหมาะสม โดยประตูupvc มีราคาอยู่ที่ 2000-3500บาท/บาน และประตูpvc มีราคาอยู่ที่ 700-1500บาท/บาน ขึ้นกับรูปแบบบาน
ประตูหลังบ้าน ต้องเป็นประตูที่มีคุณสมบัติมีความทนต่อแสงแดดและน้ำฝน และต้องมีความแข็งแรงสูง ป้องกันการทำลายจากภายนอก ให้ตัวบ้านมีความปลอดภัยสูงสุด
1. วัดขนาดบานประตูโดยคำนึงถึงการปิดเปิดและพื้นที่รอบตัวบ้าน- ตรวจสอบพื้นที่ติดตั้งประตูหลังบ้านเพื่อให้ เปิด-ปิดได้สะดวก ไม่กีดขวางทางเข้าออก ดูระยะเปิดและทิศทางการเปิดจากระยะขอบรั้ว ให้มีระยะไม่น้อยเกินไป สามารถเปิดปิดและเดินได้สะดวก
2. เลือกวัสดุที่ทนทานสูงสุด- พิจารณาวัสดุที่เหมาะสม ทนทานต่อทุกสภาพอากาศและการใช้งาน ทนได้ทั้งความร้อนจากแสงแดด บานประตูไม่โก่งตัวและทนต่อความชื้นและน้ำฝน ตัวบานไม่เสื่อมสภาพเมื่อโดนน้ำ วัสดุบานประตูที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับประตูหลังบ้านในปัจจุบัน คือบานประตูupvc,ประตูไฟเบอร์กลาส และประตูเหล็ก สำหรับประตูไม้ต้องผ่านการอบอย่างดี และทาสีเคลือบประตูเพื่อป้องกันน้ำและความชื้นรอบตัวบาน
- เลือกประตูที่มีคุณสมบัติมีความแข็งแรงสูง เพื่อการป้องกันการโจรกรรม การทำลายจากภายนอก นอกจากนั้นยังต้องควบคู่กับระบบอุปกรณ์ล็อกที่ปลอดภัย แข็งแรง
3. เลือกดีไซน์ที่เข้ากับบ้าน- คำนึงถึงรูปแบบการตกแต่งภายนอกบ้าน ใช้ในการออกแบบสีลายไม้และรูปแบบ เพื่อให้ประตูหลังบ้านเข้ากับบรรยากาศโดยรวม การเลือกสีและลวดลาย รูปแบบที่ลงตัวกับแบบบ้านภายนอก สามารถสอบถามทางโรงงานผู้ผลิต ส่วนใหญ่ยังเป็นสีมาตรฐานสีเรียบ สีลายไม้ยังไม่สามารถใช้งานบานภายนอกได้ เนื่องจากลายไม้ทำจากการปิดฟิล์มลายไม้ เมื่อฟิล์มโดนความร้อนจากแสงแดด จะพองตัวและหลุดร่อนจากตัวบานได้
4. คำนึงถึงการบำรุงรักษา- พิจารณาเรื่องการดูแลรักษาประตู เลือกประตูที่มีคุณสมบัติคงทน ประตูหลังบ้านการเปลี่ยนบานประตูเป็นเรื่องยาก เพราะต้องใช้งานตลอดเวลาและเป็นส่วนที่มองเห็นจากภายนอกบ้านตลอดเวลา ควรการทำความสะอาดและการทาสีใหม่ เพื่อให้ประตูคงทนและสวยงามอยู่เสมอ
5. งบประมาณและการติดตั้ง- หลังจากกำหนดวัสดุและรูปแบบได้แล้ว ทำการเลือกประตูหลังบ้านโดยกำหนดงบประมาณที่เหมาะสมสำหรับการเลือกซื้อและติดตั้ง ให้ได้ตัวเลือกที่คุ้มค่าและใช้งานระยะยาว การเลือกบานประตูมาตรฐานของโรงงานช่วยประหยัดงบประมาณในการซื้อได้
ห้องนอน เป็นส่วนสำคัญของบ้าน เป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อน เป็นส่วนตัว บานประตูควรมีลักษณะเด่นเฉพาะ แตกต่างกับประตูบานอื่น เพื่อบอกว่าเป็นห้องนอน พื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของบ้าน 5 ขั้นตอนสำคัญในการเลือกประตูห้องนอน
1. วัดขนาดประตู- เริ่มต้นด้วยการวัดขนาดประตูอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าประตูที่เลือกจะพอดีกับพื้นที่ติดตั้ง สำหรับบานที่ติดตั้งวงกบไว้ก่อนแล้วสั่งผลิตบานประตู ให้วัดจากระยะบังใบบานประตู หักระยะการติดอุปกรณ์ 5mm เพื่อให้บานประตูที่ผลิตจากโรงงาน ได้ขนาดที่พอดี เพื่อให้ไม่ต้องมีการปรับแต่งไสขอบบานประตูที่หน้างาน ให้บานประตูมีความแข็งแรง และสวยงาม คงสภาพเดียวกับที่ผลิตออกมาจากทางโรงงาน
- คำนึงถึงการเปิด-ปิดประตูในพื้นที่แคบ บานประตูต้องมีความกว้างของบานที่เหมาะสม เมื่อเปิดประตูห้องนอน สามารถเดินเข้าออกได้สะดวก
2. เลือกวัสดุที่เหมาะกับการใช้งาน- ประตูไม้จริง: ให้ความรู้สึกอบอุ่นและคลาสสิก แต่ต้องดูแลรักษา
- ประตูบานไม้ประกอบ ปิดผิวหน้าลายไม้ ที่นิยมคือประตูปิดผิวลามิเนต มีความสวยงาม น้ำหนักเบา ผลิตขนาดความสูงได้สูงสุด 3.50 เมตร ช่วยเพิ่มทางเลือกในการออกแบบประตูห้องนอน ที่ต้องการความสูงพิเศษ
- ประตูupvc: ทนความชื้นและราคาย่อมเยา
- ประตูWPC: มีความแข็งแรงและทนทาน ราคาสูงกว่าประตูupvc
- เหล็ก: เพิ่มความปลอดภัย มีความแข็งแรงสูง ไม่ค่อยเป็นที่นิยม ทำให้ห้องดูแข็งกระด้างกว่าบานไม้
- ประตูอะลูมิเนียม: น้ำหนักเบา ดูแลรักษาง่าย เหมาะกับประตูสำนักงานมากกว่าประตูห้องนอน
3. พิจารณาความต้องการด้านการป้องกันเสียงและความเป็นส่วนตัว- ถ้าคุณต้องการห้องนอนที่เงียบสงบ ประตูที่ป้องกันเสียงจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม การเลือกประตูกันเสียงสามารถใช้ประตูบานไม้ประกอบเสริมฉนวนกันเสียง(Rockwool) ในตัวบาน ทั้งนี้การให้ประตูกันเสียงได้ประสิทธิภาพสูงสุดต้องใช้ควบคู่กับชุดวงกบกันเสียงติดยางกันเสียง (Doorseal และอุปกรณ์กันเสียงใต้บาน(Dropdoor)
- เลือกประตูที่มีคุณสมบัติกันเสียงมาตรฐานจากโรงงาน เช่น ประตูupvc ที่มีโฟมในตัวบานที่มีคุณสมบัติกันเสียง
4. เลือกดีไซน์ที่เข้ากับรูปแบบบ้าน- ประตูควรเข้ากับการตกแต่งภายในของบ้าน เลือกสีและดีไซน์ที่เสริมสร้างบรรยากาศโดยรวมของห้องนอน
- หากบ้านของคุณมีสไตล์โมเดิร์น เลือกประตูที่มีเส้นสายเรียบง่ายและดูทันสมัย
- 5. พิจารณางบประมาณและการติดตั้ง
วัสดุและดีไซน์ที่แตกต่างกันจะมีราคาต่างกัน คำนวณงบประมาณให้เหมาะสมกับคุณภาพของประตูที่คุณต้องการ สำหรับบ้านที่มีงบประมาณที่จำกัด ควรใช้บานประตูขนาดมาตรฐานโรงงาน ที่มีราคาถูกกว่าบานสั่งผลิต ถ้ามีงบประมาณคงเหลือสำหรับบานประตูห้องนอน ค่อยเลือกขนาด รูปแบบและวัสดุที่ต้องการเป็นลำดับถัดมา
การเลือกประตูในแต่ละแบบ มีคุณสมบัติที่จำเป็นของประตูแตกต่างกัน การเลือกวัสดุเดียวกันให้เหมาะสมกับประตูห้องนอน ประตูห้องน้ำและประตูหลังบ้านเป็นเรื่องยาก ควรเลือกกำหนดวัสดุของประตูแต่ละชนิดเป็นลำดับแรก คำนึงถึงงบประมาณที่กำหนดไว้เป็นลำดับถัดมา การเลือกแบบและลาย ให้เป็นทางเลือกลำดับสุดท้าย โดยเลือกแบบและลายไม้ให้ใกล้เคียงกัน ให้ประตูบ้านของคุรใช้งานได้ยาวนาน ควบคู่กับความสวยงาม ในงบประมาณที่คุณกำหนดได้